วันนี้อาจารย์พูดถึงเรื่องของ Customer Relationship Management (CRM) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้านั้น ทำให้การจัดการด้านนี้ทำได้ดีขึ้น เนื่องจากการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้านั้นต้องอาศัยข้อมูลจากหลายส่วนในองค์กร ทำให้การใช้ระบบสารสนเทศเข้ามาช่วยจะทำให้มีข้อมูลที่ดีและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้านั้นยังมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ CRM
- ช่วยให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้า
- ช่วยในการวางแผนทางการตลาด เพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้อง
- ช่วยให้สามารถเพิ่มและรักษาส่วนแบ่งตลาดได้
SFA : Sale Force Automation ประกอบด้วย
- ระบบขายผ่านโทรศัพท์ตอบรับ เพื่อให้มีการบริการแบบ Proactive
- ระบบพาณิชย์อิเลกทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อให้เกิดการขายแบบ Up-Saleing หรือ Cross-Saleing
- ระบบงานสนามด้านการขาย เช่น Wireless Application สำหรับการขายปลีกและตัวแทนจำหน่ายทำให้สามารถติดต่อลูกค้าได้ทันที
ระบบการตลาดอัตโนมัติ ประกอบด้วย ระบบย่อยด้านการจัดการ การแข่งขันต่างๆ รวมไปถึงเครื่องมือที่ข่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล
Data Warehouse และเครื่องมือจัดการข้อมูล ซึ่งจะดึงข้อมูลมาจาก 2 แหล่งคือ ภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งข้อมูลภายในนั้นจะมาจากการทำงานประจำวันและข้อมูลจากภายนอก (เช่น Web Telephone Directory)
Classification of CRM Applications
- Customer-facing เป็นการเก็บข้อมูลลูกค้าที่มีการติดต่อกับบรืษัท เช่น ข้อมูลลูกค้าจากโทรศัพท์
- Customer-touching เป็นการเก็บข้อมูลจากช่องทางที่เป็น Self-service
- Customer-centric intelligence เป็นการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปผลสำหรับการทำกลยุทธ์ด้าน CRM
- Online networking มีการใช้อินเทอร์เน็ตมาเป็นเครื่องมือหรือช่องทางหนึ่งในการพูดคุย ให้ข้อมูล ดูแลและให้บริการแก่ลูกค้า
- Foundation service อย่างน้อยมีส่วนที่ใช้โต้ตอบกับลูกค้า
- Customer centered services ใช้ track บริการ, ข้อมูลลูกค้าต่างๆ
- Value-added services บริการเสริมเพิ่มเติม เช่น การอบรม online
- Loyalty programs เป็นให้จูงใจให้ลูกค้ามีความจงรักภักดีกับสินค้า
เช่น Weblog, Chat rooms, Live chat, FAQs, Call centers เป็นต้น
หลังจากที่อาจารย์พูดมานาน ก็ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง คือ Knowledge MAnagement System (KMS)
KM คือ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในตัวบุคคล เอกสาร สื่อ มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้เหล่านี้ได้ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาและนำมาประยุกต์ในการปฏิบัติงาน
ประโยชน์ของการบริหารความรู้
- ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ในองค์กรได้ง่าย ทำให้พนักงานที่เข้ามาใหม่ สามารถทำงานได้ง่ายมากขึ้น
- ทำให้สามารถลดจำนวนการทำงานที่ผิดพลาดซ้ำเดิมได้
- ทำให้ความรู้ไม่สูญหายไปกับตัวบุคคลที่หายไปจากองค์กร
- สร้าง Knowledge Base ขององค์กร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
- สร้าง Knowledge Network ให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้อย่างทั่วถึงและสามารถแบ่งปันความรู้กันได้
ลำดับขั้นตอนของความรู้
ข้อมูล >> สารสนเทศ >> ความรู้ >> ความชำนาญ >> ความสามารถ
โมเดลการสร้างองค์ความรู้ (Nonaka และ Takeuchi)
- Socialization เป็นการเรียนรู้โดยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องเรียน หรือจากประสบการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเราเอง
- Externalization แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ Tacit Knowledge (ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคคล) และ Explicit Knowledge (ความรู้ที่สามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจน) โดยการทำ KM เป็นการเปลี่ยน Tacit เป็น Explicit โดยการทำเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านทางการสัมมนา การไปพูดให้คนอื่นฟัง
- Combination เป็นการเอาข้อมูลต่างๆ (รวมทั้งจากภายนอก) มารวบรวมไว้ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ, ข้อมูลการเดินเอกสาร ซึ่งขะทำให้เห็นความรู้ในมุมมองอื่นๆ นอกจาตัวผู้ทำงานเอง แล้วจึงนำความรู้ทั้งหมดที่มีไปเก็บในฐานข้อมูลความรู้
- Internalization เป็นการศึกษาความรู้ที่มีอยู่ในฐานข้อมูล เพื่อให้เรามีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น
การระบุถึงความรู้ >> การจัดการความรู้ >> การพัฒนาความรู้ >> การแบ่งปัน/กระจายความรู้ >> การใช้ความรู้ >> การเก็บ/จดความรู้
IT Hype
1. 3G
เป็นเทคโนโลยีเคลื่อนที่สมัยที่ 3 พัฒนามาจาก 2.5G ซึ่งเกิดการอิ่มตัวการสื่อสารด้วยเสียง จึงเปลี่ยนมาเป็นการสื่อสารไร้สาย (2.5G) แล้วก็มีข้อจำกัดในการพัฒนาเครือข่ายต่อ ก็เลยมีการพัฒนา 3G ขึ้นมา ซึ่งมีคนกำหนดมาตรฐาน 3G ไว้ ดังนี้
- ต้องมี platform สำหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ
- มีความสามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก
- มีการบริการที่ไม่ขาดตอน
- อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลตามที่กำหนด
- รองรับ multi media ทุกรูปแบบ
- รองรับ voice และ non cvoice ได้อย่างดี
- ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้เร็ซขึ้น
- สามารถแนบไฟล์เพลงและส่งออกได้อย่างรวดเร็ว
- ทำให้การประชุมทางไกลได้อย่างดี
- ใช้ร่วมกับต่างประเทศได้
- ภัยจากการติดต่อจากคนแปลกหน้า
- ภัยจากสื่อต่างๆ ที่ไม่ดี
AIS, True, DTAC, TOT, CAT
2.IT Outsource
แนวคิดนี้เริ่มจากว่า การพัฒนาคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ต้องใช้เวลา และยังแพง ก็เลยควร
แบ่งเป็น 6 ประเภท
- Desktop service ดูแลคอมพิวเตอร์, เครื่อง server และเครือข่าย LAN, การจัดซื้อติดตั้ง
- Network Management ให้องค์กรให้ใช้งานเครือข่าย เชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (ระหว่างองค์กร)
- Data Center Service จัดหา ออกแบบ ติดตั้ง คอมพิวเตอร์ แทนผู้ว่าจ้าง
- Continuity Service เป็นการดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีระบบล่ม
- Web Hosting Service บริการให้เช่าพื้นที่ข้อมูลเว็บไซต์ ผ่านทาง Server รวมทั้งมีการนำฝากข้อมูลเข้าไปใน Server
- Application Management Service ดูแลการทำงานในชีวิตประจำวัน
- ลดภาระในการจัดตั้งแผนกไอที
- ลดภาระงานในการบริหารจัดการนโยบายทางด้านนี้
- มีคนมาร่วมแบ่งปันความเสี่ยงทางด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
- ข้อมูลองค์กรรั่วไหลออกไป
- การเปลี่ยนผู้รับจ้าง มี Switching Cost สูง
3.Internet TV
เป็นการรับชมภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ตบนหน้าจอทีวี ผ่านทาง Set-Top-Box ซึ่งกล่องนี้จะติดตั้งอยู่ที่บ้าน ต่อกับ router และ จอทีวี ซึ่งสามารถแบ่งการรับชมได้ 2 ลักษณะ
- แบบสด เป็นการรับชมรายการพร้อมกับรายการปกติของช่อง
- แบบตามสั่ง สามารถเลือกรับชมรายการได้ตามต้องการ ตามเวลาที่เราต้องการ
- รับชมฟรี เสียแค่ค่าอินเทอร์เน็ต
- เสียค่าบริการายเดือน ลักษณะเหมือน UBC เป็นโปรแกรมให้เลือก และเหมาจ่าย
- เสียค่าบริการตามที่รับชม ลักษณะเหมือนการเช่าวิดิโอมารับชม เสียค่าบริการตามจำนวนเรื่องที่รับชม
4.Wiki
เป็นเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้คนร่วมเขียนบทความบนเว็บไซต์ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Wikipedia ซึ่งเป็นสารานุกรมที่ได้รับการแก้ไขมากที่สุดในโลก
Wikipedia
เน้นการทำงานและปรับเปลี่ยนที่ง่าย ทำให้ทุกคนสามารถเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนได้ง่าย ข้อมูลจึงถูกอัพเดทตลอดเวลา
รูปแบบและประเภท ยกตัวอย่างเช่น
- สารานุกรม
- ตำรา
- คำคม
- ข่าว
- พจนานุกรม
- วิกิซอร์จ
- ทุกคนมีสิทธิในการแก้ไขเนื้อหาต่างๆ ได้
- เนื้อหาเสรีที่ได้รับการคุ้มครอง
- เนื้อหาได้รับการยอมรับจากนักวิชาการ
- ความถูกต้องและสมบูรณ์ของเนื้อหาอาจยังไม่แน่ชัด
- ไม่สามารถกรองเนื้อหาประเภทขยะออกได้ ข้อมูลที่ได้อาจเป็น Junk Data
- ใช้เป็นแหล่งความรู้
- เป็นเครื่องมือในการสร้างกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้
- เป็นเครื่องมือในการจัดการความรู้ภายในองค์กร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น