นส.เมษศจี ศิริรุ่งเรือง 5202115191

นส.เมษศจี ศิริรุ่งเรือง 5202115191

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Information Technology Economics

คาบ 5 : 7 ธ.ค. 53

          วันนี้อาจารย์มฑุปายาสมาสอนอีกครั้ง เนื้อหาในวันนี้แบ่งออกเป็น 5 หัวข้อใหญ่ๆ คือ
1.Technology and Economic Trends and the Productivity Paradox
2.Evaluating IT Investment
3.Advances Methods for Justifying IT Investment and Using IT Metrics
4.Economic Aspects ot IT and Web-Based System
5.Managerial Issues

ส่วนที่ 1 Technology and Economic Trends and the Productivity Paradox
        
          Productivity Paradox คือ การที่อัตราการพัฒนาของเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราการพัฒนาของสิ่งอื่นๆ ไม่รวดเร็วเท่า เช่น เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผลลัพธ์ของการใช้พัฒนานี้มีอัตราการเติบโตที่น้อยกว่าอัตราการเติบโตของเทคโนโลยี ซึ่งเหตุผลของการที่สิ่งอื่นๆ พัฒนาไม่ทันเทคโนโลยีนั้นมีดังนี้
  • ผลิตผลที่เพิ่มขึ้นไม่แสดงในการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่เห็นว่าเกิดผลิตผลที่ไหนอย่างชัดเจน
  • ผลิตผลที่เกิดขึ้นถูกหักลบกับกิจกรรม IT อย่างอื่นที่ไม่สร้างผลิตผล เนื่องจากมีงบประมาณมาจากแหล่งเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถเห็นผลที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
  • ผลิตผลที่เกิดขึ้นมีต้นทุนสูงมาก ถึงมีผลิตผลเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่สามารถหักล้างกับต้นทุนที่เกิดขึ้นได้
  • ต้องใ้ช้เวลาในการรอให้เกิดผลิตผล ทำให้ระยะเวลาที่สั้นไม่สามารถประเมินผลิตผลออกมาได้อย่างชัดเจน
  • มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ผลิตผลที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่มากเท่าที่ควร
          ถึงแม้ Productivity Paradox จะมีข้อเสียจำนวนมาก แต่ทำไมถึงยังมีคนใช้ Productivity Paradox อยู่ เนื่องจาก
  • สามารถช่วยเพิ่มผลิตผลได้ 
  • เกิดผลทั้งทางตรง (ลดต้นทุนทันทีหลังจากเริ่มใช้งาน เช่น ค่าขนส่ง, ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น) และทางอ้อม (ไม่ได้มีผลโดยตรง เช่น มี Mk Share เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถเอาไปเป็นจุดเด่นในการทำการตลาดได้)
ส่วนที่ 2 Evaluating IT Investment
         
          ในการลงทุนทางด้าน IT นั้นองค์กรมีข้อจำกัดหลายประการ ไำม่ว่าจะเป็น ข้อจำกัดด้านงบประมาณ, เวลา รวมไปถึงบุคคลากร ทำให้จะต้องมีการประเมินทางเลือกว่าจะเลือกพัฒนา IT อันไหนก่อนหลัง ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการประเมิน มีดังนี้
  • ต้องการให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยการเพิ่มแรงกดดันด้านการเงิน
  • IT ไม่ใช่ทางออกของปัญหาทั้งหมด บางครั้งการแก้ปัญหาอาจจะไม่ต้องลงทุนด้าน IT ก็ได้
  • มีงบประมาณที่จำกัด
  • การลงทุนด้าน IT อาจช่วยให้หุ้นมีราคาสูงขึ้น
กระบวนการประเมิน IT 
  • หาเครื่องมือการวิเคราะห์ที่เหมาะสม
  • หามาตรวัดที่จะใช้วัด
  • ประเมิน, ทำให้เข้าใจง่าย และบันทึกเป็นเอกสารไว้
  • คำนวณทางเลือก ซึ่งอย่าลืมรวมการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วย
  • สิ่งที่จะพัฒนาสนับสนุน Strategy ขององค์กรหรือไ่ม่
  • อย่า underestimate costs และ overestmate benefit
  • แจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ


ความยากในการวัด แบ่งเป็น 2 ประเด็นคือ
     1.Productivity & Performance Gains 
  • ไม่รู้ว่าจะวัดอะไร ใช้ตัววัดไม่เหมาะสมทำให้ผลที่ออกมาไม่มีประโยชน์
  • มีผลช้า ทำให้วัดได้ยาก
  • วัดผลประโยชน์ที่ IT สร้างให้องค์กรได้ยาก
     2.Intangible Benefits
  • ยากที่จะวัดเป็นตัวเงิน เช่น ความพึงพอใจของผู้บริโภค 
  • ไม่สามารถวัดในเชิงปริมาณได้ ทำให้อาจลืมที่จะสนใจประโยชน์ส่วนนี้
Costing IT Investment แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
  • Fixed Cost ต้นทุน Hardware, Software
  • Transaction Cost ต้นทุนที่เสียระหว่างการดำเนินงาน เช่น Search cost, Information cost, Negotiation cost, dedcision cost เป็นต้น

Revenue Models Generate by IT & Web
  • Sales จาก E-Commerce
  • Transaction fees จาก commission จากการขาย
  • Subsciption fees จากการขาย service เพิ่มเติม
  • Advertising fees จากค่า Bannners
  • Affiliate fees จากค่า commission จากการขายโดยการที่คนกดผ่าน banners บนเว็บของเรา

Cost- Benefit Analysis
          จะลงทุนต่อเมื่อ Benefit มากกว่า Cost และต้องลำดับว่าอะไรมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน (ก่อนหลัง) ซึ่งต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนคือ
  • Identifying & estimating ต้นทุนและผลประโยชน์ทั้งหมด 
  • Expressing in common unit (ตัวเงิน)
          โดย Costs ประกอบด้วย Development cost (เช่น ค่าจ้างนักพัฒนาระบบ), Setup cost (เช่น ค่า hardware) และ Operation cost (เช่น ค่าจ้างคนดูแลระบบ)
          และ Benefits ประกอบไปด้วย Direct benefits (ผลที่เกิดจากการทำงานของระบบโดยตรง), Assessable indirect benefit (second order impact) และ Intangible benefits (ประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้ ต้องพยายามเปลี่ยนเป็นตัวเงินให้ได้)

Cost-Benefit Evaluation Techniques
  • Net profit มองกำไรก้อนสุดท้าย แต่ไม่ดูว่าเงินลงทุนเท่าไหร่ ไม่ดูช่วงเวลา
  • Paybackperiod ดูว่าคืนทุนเมื่อไหร่ แต่ไม่สนใจกำไรสุดท้าย
  • Return on investment (ROI) ดูผลลัพธ์เป็นสัดส่วนกับการลงทุน แต่ไม่มองมูลค่าของเงินตามเวลา
  • Net present value (NPV) มองมูลค่าเงินในปัจจุบัน แต่เสี่ยงตรงที่ไม่รู้จะเลือกอัตราคิดลดเท่าไหร่
  • Internal rate of return (IRR) มองหาจุดที่ NPV เป็น 0 ซึ่งจะทำให้เป็นการเลือกใช้อัตราคิดลดที่เหมาะสมที่สุด

ส่วนที่ 3 Advances Methods for Justifying IT Investment and Using IT Metrics
         
          มีหลักการที่ใช้ในการประเมินการเลือก IT จำนวนมาก โดยขอยกตัวอย่างบางหลักการ ดังนี้
  • Business case ทำเป็นเอกสารประเมินทางเลือกของ IT เน้นให้เห็นมุมมองหลายแง่มุม
  • Total cost (and benefit) of ownership คำนวณต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งต้นทุนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ acquisition cost, operation cost และ control cost
  • Benchmarks เทียบกับคนที่ดีที่สุด, คนที่อยู่ตรงกลาง และคนที่อยู่ท้ายสุดของอุตสาหกรรมฺ
  • Balance scorecard มอง 4 มุมมอง คือ customer, financial, internal business processes และ learning and growth ซึ่งแต่ละมุมมองจะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย (KPIs) ที่ชัดเจน และสอดคล้องกับ mission, vision ขององค์กร

ส่วนที่ 4 Economic Aspects ot IT and Web-Based System
         
          การใช้ Web-based ในการดำเนินงานมีผลกระทบต่อการวิเคราะห์ cost-benefit กล่าวคือ จะสามารถช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานลงได้ แต่ก็ต้องมีการประเมินอย่างรอบคอบว่าการใช้ E-Commerce นั้นไม่ใช่เป็นเพราะต้องการมีหน้าร้านใน Internet เท่าันั้น แต่ก็ต้องมีระบบรองรับด้านหลังที่สนับสนุน

          โดยการใช้ Web-based นี้จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยของสินค้าลดลงเรื่อยๆ ต่างจากการขายแบบเดิมที่ ณ จุดหนึ่งหลังจากต้นทุนลดลงจนถึงขีดสุดแล้วก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

           ค่าใช้จ่ายด้าน IT นั้นมีวิธีการแบ่งผู้รับผิดชอบออกเป็น 2 แบบ คือ ส่วนกลาง(คิดเป็น Overhead) และ ผู้ใช้จริง โดยคิดตามปริมาณที่ใช้ (Chargeback) ซึ่งการให้ผู้ใช้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้นจะทำให้สามารถจัดการทรัพยากรที่มีให้เหมาะสม และวางแนวทางในการดึงดูดให้ผู้ใช้เปลี่ยนพฤติกรรมได้อีกด้วย

ส่วนที่ 5 Managerial Issues
         
          มีทั้งหมด 7 ข้อดังนี้
1.Constant growth & change ต้องเตรียมพร้อมรองรับความเปลีี่่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี

2.Shift from tangible to intangible benefits เปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับด้านการเงินเพียงอย่างเดียว มาเป็นให้ความสำคัญด้านคุณภาพด้วย

3.Not a sure thing ต้องมีการวัดอย่างสม่ำเสมอว่าสิ่งที่ใช้อยู่นั้นยังทำงานได้เหมาะสมกับองค์กรหรือไม่ เพราะอาจมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา ทำให้ที่ใช้อยู่นั้นไม่เหมาะสมกับองค์กรแล้ว

4.Chargeback มองหาวิธีในการดึงดูดให้ผู้ใช้เปลี่ยนพฤติกรรม

5.Risk พิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงโอกาสที่จะเกิด ซึ่งจะต้องลำดับความสำคัญและหาวิธีจัดการกับความเสี่ยงนั้น

6.How to measure the value of IT investment? จะใช้วิธีไหนมาวัดให้เหมาะสมมากที่สุด

7.Who shoukd conduct a justification? ใครควรเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือก IT แบบไหน ซึ่งแต่เดิมจะเป็นฝ่ายการเงิน แต่ปัจจุบันจะเป็น Steering Committee และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น